ปลัด วธ.เยี่ยมชมกองถ่ายหนัง ‘Thai Cave Rescue’ ปลื้ม ม.ค.-ต.ค.มีต่างชาติถ่ายหนังในไทย 71 เรื่อง สะพัด 3.4 พัน ล. – มติชน

ปลัด วธ.เยี่ยมชมกองถ่ายหนัง 13 หมูป่า “Thai Cave Rescue” เผย ม.ค.-ต.ค.มีบริษัทต่างชาติถ่ายทำในไทย 71 เรื่อง เงินสะพัด 3.4 พันล้าน

นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมการทำงานของคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ เรื่อง Thai Cave Rescue ที่ The Studio Park จ.สมุทรปราการ เพื่อรับทราบถึงวิธีการทำงานติดตามคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในการปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 32) กรณีมาตรการสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ โทรทัศน์ และวีดิทัศน์ และมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention for COVID-19) ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รวมถึงเพื่อศึกษาเทคนิคการถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวู้ด อาทิ ฉากภายในถ้ำ และฉากใต้น้ำ และเยี่ยมชม The Studio Park ซึ่งเป็นโรงถ่ายภาพยนตร์แห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดให้บริการถ่ายทำภาพยนตร์ โทรทัศน์ โฆษณา ฯลฯ แบบครบวงจร รวมถึงเปิดบริการแพร่ภาพการแข่งขัน   อีสปอร์ต และมีกองถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากต่างประเทศมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

นางยุพากล่าวอีกว่า ภาพยนตร์ดังกล่าวสร้างขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ Netflix และ SK Global Entertainment ผู้ถือลิขสิทธิ์เรื่องราวชีวิตของผู้ประสบภัยกรณีถ้ำหลวง จ.เชียงราย ทั้ง 13 คน โดยคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ตามมาตรา 16 และ 18 (1) แห่งพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 ซึ่งกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นฝ่ายเลขานุการ มีมติอนุญาตให้ Deep Dive Productions, LLC สหรัฐอเมริกา สร้างภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ เรื่อง Thai Cave Rescue ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม ถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2564 สถานที่ถ่ายทำคือ กรุงเทพฯ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.สมุทรปราการ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง

“มีทีมงานชาวต่างประเทศ เข้ามาทำงานในประเทศ 60 คน และจ้างทีมงานชาวไทยรวม 1,000 คน ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณในไทยทั้งสิ้น 830 ล้านบาท ซึ่ง วธ.ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ และเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในภาพรวมของประเทศ ได้รับทราบวิธีการทำงานของคณะถ่ายทำดังกล่าว ภายใต้สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล และ DMHTA เช่น ตรวจวัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด รวมถึง เทคนิคการสร้างฉากภายในถ้ำ และฉากใต้น้ำ ตลอดจนการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขตามที่หน่วยงานราชการกำหนด” นางยุพากล่าว

นางยุพากล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การเยี่ยมชมกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศและโรงถ่ายภาพยนตร์ระดับมาตรฐานสากลในครั้งนี้ เป็นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศไทย และเป็นการส่งเสริมนโยบายสำคัญของรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งผลักดันการใช้ “Soft Power” ความเป็นไทย และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย เช่น ศิลปะการแสดง แฟชั่น อาหารไทยและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการดำเนินการตามนโยบายของ วธ.ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ 5F โดยเฉพาะด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ภายใต้แบรนด์ Content Thailand

นางยุพากล่าวต่อว่า แม้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 วธ.จะเดินหน้าบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ เอกชน สมาคม และผู้ประกอบการด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560-2564) เน้นดำเนินงานที่สำคัญคือ การพัฒนาตลาดภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในประเทศ การส่งเสริมและพัฒนาตลาดภาพยนตร์ และวีดิทัศน์ไทย โดยการเข้าร่วมงานเทศกาลและตลาดภาพยนตร์และวีดิทัศน์ในต่างประเทศในนามทีมประเทศไทย มีการเปิดการเจรจากับนักลงทุนทั่วโลก และจัดสัมมนาผ่านรูปแบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

“การเยี่ยมชมกองถ่ายทำภาพยนตร์ในวันนี้ ทำให้เห็นว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจการผลิตภาพยนตร์ และคอนเทนต์ต่างๆ รวมถึง บุคลากรฝ่ายการผลิตของไทย มีคุณภาพ และมาตรฐานระดับสากลที่กองถ่ายใหญ่ๆ จากต่างประเทศไว้ใจ และเป็นตัวเลือกระดับแรกๆ ในการใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ รวมถึง มาตรการจูงใจต่างๆ ที่คณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติได้ผลักดัน อาทิ มาตรการคืนเงินสำหรับกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ อัตรา 15-20% และมาตรการอื่นๆ ได้ปรากฏผลสำเร็จเป็นรูปธรรมให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์” นางยุพากล่าว

นางยุพากล่าวอีกว่า ทั้งนี้ วธ.ได้รับข้อมูลจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในปี 2564 ช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม มีบริษัทภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยรวม 71 เรื่อง ในพื้นที่ 29 จังหวัด สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 3,452 ล้านบาท และยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม วัฒนธรรมอาหาร ด้านแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และการใช้จ่ายในธุรกิจสินค้าบริการอื่นๆ อีกมายมาย