ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ซิตี้คาร์รักษ์โลก – เดลีนีวส์


ฮอนด้า ซิตี้ อี : เอชอีวี ใหม่ ที่เข้ามาเสริมทัพภายใต้ “เดอะ ซิตี้ ซีรีส์” ที่บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) นำมาเปิดตัวโดยใช้เทคโนโลยีฟูลไฮบริดรุ่นแรกของเซกเมนต์ซิตี้คาร์ในประเทศไทย เสาร์ที่ 12 มิถุนายน 2564 เวลา 11.14 น.

ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ซิตี้คาร์รักษ์โลก

ฮอนด้า ซิตี้ อี : เอชอีวี ใหม่มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนสปอร์ตไฮบริด ไอ-เอ็มเอ็มดี ที่ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร AtkinsonCycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (อี-ซีวีที) และแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนเป็นระบบฟูลไฮบริดที่ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ประหยัดน้ำมันถึง 27.8 กม./ลิตร รองรับน้ำมันอี20 พร้อมเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะฮอนด้าเซนส์ซิ่ง ดีไซน์สปอร์ตโดดเด่นด้วยชุดแต่ง สไตล์ “อาร์เอส” เสริมเอกลักษณ์เฉพาะของความเป็นไฮบริดด้วยโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า(H Mark) และโลโก้ e:HEV

ภายนอกออกแบบใหม่มาพร้อมโครงสร้างตัวถังแบบ Wide & Low สปอร์ตปราดเปรียวโดดเด่นด้วยด้วยดีไซน์สปอร์ตและสง่างาม ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน, ไฟตัดหมอกคู่หน้า, ไฟท้ายล้วนแต่เป็นแบบแอลอีดี, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, กระจังหน้าพร้อมโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark), กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว, สปอยเลอร์หลังพร้อมสัญลักษณ์อาร์เอส และอี : เอชอีวี, เสาอากาศแบบครีบฉลาม, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายในทุกมิติ ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต ใช้โทนสีดำเน้นความเรียบง่ายทันสมัย ความกว้างขวางสะดวกสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้ความรู้สึกหรูหราและสวยงามด้วยเบาะที่นั่งหนังกลับดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีแดง

การใช้เส้นสายแนวนอนเพื่อช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่ง และสะดวกสบายในการขับขี่ คอนโซลหน้าแบบเปียโนแบล็กพร้อมที่วางแก้วน้ำที่วางแขน ทุกอย่างลงตัวกับทุกการใช้งานด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม ได้แก่มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบทีเอฟที ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ มีระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย

ส่วนระบบปรับอากาศอัตโนมัติและช่องปรับอากาศตอนหลังเพื่อความสะดวกสบายในห้องโดยสาร มาพร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบแอดวานซ์ทัชรองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ พร้อม Google Maps  และระบบสั่งการด้วยเสียงสิริ ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมตเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ด้วยการทำงานของกล้องมุมมองกว้างด้านหน้าช่วยตรวจจับวัตถุบนท้องถนนแจ้งเตือนผู้ขับขี่ เช่น ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติและยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัย เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตา, ระบบเบรกมือไฟฟ้า, ระบบ BrakeHold อัตโนมัติ, ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ,  ถุงลมนิรภัย 6 จุด, กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ

ฮอนด้าคอนเนค เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลักที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง

มาถึงการทดสอบในช่วงโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ไกล ๆ นัก ดังนั้นส่วนใหญ่จึงอยู่ในเมืองซึ่งเป็นตามคอนเซปต์ของซิตี้คาร์คันนี้ แม้ว่าการออกตัวจะไม่หวือหวาปรู๊ดปร๊าดนักเมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรเทอร์โบ แต่ก็แลกด้วยความประหยัดน้ำมันแม้จะไม่ถึงกับที่ทางฮอนด้าเคลมไว้ที่ 27.8 กม./ลิตร ทว่าน่าสนใจเพราะรวมระยะทางที่ขับไม่มากไม่น้อย แต่จิบน้ำมันพร่องเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อลองอัตราเร่งที่เร็วขึ้นพบว่าช่วงกลางทำได้ดีแต่มีเสียงเครื่องที่ปล่อยออกมาเหมือนร้องโหยหวนไปสักหน่อยแต่แลกกับฟังก์ชั่นที่มีให้มาถือว่าพอรับได้  ส่วนจุดติที่ไม่ชอบอยู่ที่กล้องบริเวณกระจกที่มีอยู่แค่ด้านซ้ายที่เดียว และภาพไม่คมชัด ส่งผลต่อทัศนวิสัยการมองไม่ชัดเจนรอบด้าน ตรงนี้น่าจะมีกล้องแบบ 360 องศา เช่นเดียวกับบรรดาคู่แข่ง ทำให้ค่าตัว 839,000 บาทนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าแพงเกินไปหากต้องควักกระเป๋าในราคานี้ซึ่งมีรถตัวเลือกในตลาดให้ชมให้ช้อปเพียบ.



คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่

  • เห็นด้วย

    0%

  • ไม่เห็นด้วย

    0%