เรื่องต้องรู้สำหรับการแข่ง Clash Royale ใน Asian Games 2018 !!

เป็นอีกหนึ่งเกมที่ได้รับเลือกให้ใช้ในการแข่งขัน Asian Games 2018 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนิเซีย สำหรับเกม Clash Royale เกมแนว Strategy ชื่อดังจากทาง Supercell โดยมีค่าย Tencent Games เป็นผู้ดูแล   

รูปแบบเกมเพลย์ของเกมนี้นั้นจะเป็นแนวป้องกันป้อมโดยอาศัยการ์ดตัวละครเป็นยูนิตในการต่อสู้ นอกจากการ์ตัวละครแล้วก็ยังมีการรูปแบบอื่นๆเช่นการ์ดสิ่งก่อสร้าง และการสนับสนุนอื่นๆ โดยการ์ดแต่ละประเภทจะมีค่าพลังต่างๆแตกต่างกันไป มีรูปแบบแพ้ทางชนะทางที่ต่างกันไป การต่อสู้ผู้เล่นต้องใช้เทคนิคการเลือกลงการ์ดที่เหมาะสมทั้งเวลาในการใช้การ์ดและการ์ดที่ใช้ เพราะเกมอาจพลิกได้ทันทีหากเราลงการ์ดไปและถูกโต้กลับทันทีด้วยการ์ดที่เราแพ้ทาง ทั้งนี้รูปแบบและเทคนิคการเล่นมีอยู่มากมายหลายแบบด้วยกัน ผู้ที่สนใจต้องลองศึกษากันดู

คุณสมบัติของผู้สมัคร

สำหรับคุณสมบัติผู้ที่ต้องการลงแข่งนั้นจะต้องมีคุณสมบัติตามนี้

– การแข่งขันประเภทบุคคล ผู้ที่สนใจจะลงสมัครจะต้องมีอายุอย่างน้อย 16 ปีบริบูรณ์ ขึ้นไป

จำนวนการรับสมัคร

ในการแข่งขันทางผู้สมัครลิมิตจำนวนผู้สนใจสูงสุดที่ 400 คน ด้วยกัน

รูปแบบการคัดเลือก

การแข่งขันคัดเลือก Clash Royale สำหรับเป็นตัวแทนไปแข่งในการแข่งขัน Asian Games 2018 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนิเซียนั้นได้มีการแบ่งรอบคัดเลือกออกเป็น 4รอบด้วยกัน โดย3รอบแรกเป็นการแข่งขันออนไลน์และรอบไฟนอลนั้นจะเป็นการแข่งแบบออฟไลน์โดยมีรายละเอียดต่างๆดังนี้

รอบที่ 1 Online (Group stage : 21-22 พ.ค.)

กติกา

ทางผู้จัดแข่งจะทำการแบ่งผู้สมัครออกเป็น 8 กลุ่ม (A-H) โดยมีผู้สมัครกลุ่มละ 50 คน ซึ่งจะเป็นการจัดแข่งขันในรูปแบบ Tournament 1 ชม. (100 Gems) สำหรับผู้ที่คะแนนสูงสุด 4 อันดับแรกจะผ่านเข้าสู่รอบ 32 คนต่อไป

รอบที่ 2 Online (32 คน > 16 คน)

รอบที่2นี้จะเป็นการแข่งขันเพื่อคัดผู้สมัครจาก 32 เหลือ 16 คน

กติกา

สำหรับในรอบที่2นี้การแข่งขันจะเป็นรูปแบบ Best of 3 ก็คือจะเป็นการแข่งแบบแพ้ตกรอบ ไม่มีการแบนการ์ดใดๆทั้งสิ้น โดยจะมีการจับคู่ตามสาย Bracket ตามที่ได้ทราบในประกาศของทีมงาน

รอบที่ 3 Online (16 คน > 8 คน)

กติกา

สำหรับผู้ที่ผ่านมาจนถึงรอบที่3 จะต้องมาแข่งต่อรอบที่3ซึ่งมีรูปแบบการแข่งขันในระบบ Best of 5 ซึ่งมีรูปแบบการแข่งตามที่ต้องแข่งจริงในงาน Asian Games 2018 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนิเซีย โดยมีสิ่งที่ต้องรู้ดังนี้

– Double blind Forbidden Rules และ เวลาในการสลับเด็ค กฏ Double blind Forbidden Rules จะถูกใช้ในการแบนการ์ด

– มีเวลา 30 วิก่อนเริ่มที่จะให้ผู้เล่นทั้งสองฝั่งสามารถทำการเลือกแบนการ์ดตลอดการแข่งขันในแต่ละรอบ หากทั้งสองฝ่ายเลือกแบนการ์ดเดียวกันจะทำการแบนการ์ดเพียงใบเดียว

– การ์ดที่ถูกแบนจะต้องแสดงให้ไปยังกรรมการคุมแข่งและจะมีเวลา 1 นาทีในการแก้เด็ค

– หากมีผู้เล่นใดได้ใช้การ์ดที่ถูกแบนจะปรับแพ้ในเกมนั้นทันที (ไม่แพ้ใน Match)

– หลังจากทุกรอบการแข่งจะมี 1 นาทีในการปรับเปลี่ยนเด็ค

 

รอบที่ 4 Offline (รอบ Final)

ในรอบที่4หรือรอบไฟนอลนั้นการแข่งขันจะเป็นระบบ League ซึ่งผู้เล่นทั้ง 8 คน จะมีการเจอกันหมดทุกคนโดยแต่ละคนจะต้องทำการแข่งและเก็บแต้มแข่งขัน โดยการนับคะแนนจะเป็นตามนี้

ชนะได้ 3 คะแนน แพ้ 0 คะแนน  กติกาต่างๆจะใช้ระบบ Best of 5 Ban Phase ถ้าแต้มเท่ากันจะมีการใช้ระบบ Play off

กติกา

ใช้กฎเดียวกับการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์2018 คือ

– Double blind Forbidden Rules และ เวลาในการสลับเด็ค กฏ Double blind Forbidden Rules จะถูกใช้ในการแบนการ์ด

– มีเวลา 30 วิก่อนเริ่มที่จะให้ผู้เล่นทั้งสองฝั่งสามารถทำการเลือกแบนการ์ดตลอดการแข่งขันในแต่ละรอบ หากทั้งสองฝ่ายเลือกแบนการ์ดเดียวกันจะทำการแบนการ์ดเพียงใบเดียว

– การ์ดที่ถูกแบนจะต้องแสดงให้ไปยังกรรมการคุมแข่งและจะมีเวลา 1 นาทีในการแก้เด็ค

– หากมีผู้เล่นใดได้ใช้การ์ดที่ถูกแบนจะปรับแพ้ในเกมนั้นทันที (ไม่แพ้ใน Match)

– หลังจากทุกรอบการแข่งจะมี 1 นาทีในการปรับเปลี่ยนเด็ค

– หากไม่มีผู้เล่นชนะเกมใน Best of 5 โดย 2 เกมแรกเป็นการเสมอกันจะมีรอบพิเศษโดยกติกาจะเป็น หากมีจำนวนป้อมที่ถูกทำลายเท่ากัน หรือ ไม่มีป้อมถูกทำลาย ผู้เล่นที่มีเลือดของป้อมต่ำกว่าอีกฝ่ายจะถูกตัดสินว่าแพ้ หากมีเลือดของสองป้อมลด จะดูเลือดต่ำที่สุดเป็นตัวอ้างอิง แต่หากถ้าไม่มีความเสียหาย หรือ มีค่าเลือดเท่ากัน จะตัดสินผู้ชนะโดยการโยนเหรียญ

ขอขอบคุณข้อมูลจากทาง Invate หากมีผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ส่วนสำหรับบทความรีวิวเกมน่าเล่นบนสมาร์ทโฟนนั้นอยากให้รีวิวเกมไหนทักมาบอกกันได้นะครับ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าสำหรับวันนี้สวัสดีครับ

ดาวน์โหลดเกม Clash Royale