อย่างที่เราที่ทราบกันดีว่าหลังจากการแข่งขัน The Internation 9 ที่ผ่านมานั้นดูเหมือนว่าเกม Dota 2 จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นจากหลาย ๆ สาเหตุ
เพราะสำหรับคนที่เล่นเกมมานานน่าจะรู้กันดีว่าตัวเกมมีปัญหาในเรื่องของระบบจับคู่ (Match making) ที่นาน นอกจากนานแล้วบางทียังจับคู่ได้เกินระดับของผู้เล่นไปเยอะอันเนื่องมาจากปัญหาที่จำนวรผู้ที่เข้าเล่นเกมน้อยลงจากปัญหาความเบื่อหน่าย
จนทำให้ผู้เล่นระดับสูงหลาย ๆ คนต้องไปให้ไอดีรอง หรือ Smurf มาเล่นทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ทั้งหลายต้องเจอกับความยากลำบากในการเล่นไปอีก จนทำให้ Valve ต้องลงมาจัดการปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ในหลากหลายวิธีเป็นอย่างมาก
ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะพยายามแก้ไขขนาดไหน รวมถึงการอัพแพตช์ครั้งใหญ่ 7.23 ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นอีกหลากหลายอย่างเป็นอย่างมากเพื่อหวังจะดึงกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ให้เข้ามาเล่นเกมเพิ่มขึ้น แต่แล้วผลลัพธ์ก็ยิ่งดูเหมือนจะไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก
เมื่อจากรายงานล่าสุดผ่าน steamcharts เว็บไซค์ที่ใช้ในการเช็คยอดผู้เล่นย้อนหลังไป 30 วันพบว่าตอนนี้มีผู้เล่นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 385,419 คนลดลงจากทั้งเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาถึง 16,512 คนเฉลี่ยหายไปถึง 4.11 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน
โดยนี้ไม่ใช้ครั้งแรกที่เกม Dota 2 มีผู้เล่นลงมาแตะ 300,000 อีกครั้งเพราะก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม 2019 พวกเขาเคยลงมาถึงจุดดังกล่าวแล้วก่อนจะเด้งขึ้นไป
แต่จากผลย้อนหลัง 30 วันล่าสุดแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เกม Dota 2 มีผู้เล่นล้มหายตายจากไปมากขึ้นซึ่งเมื่อเทียบจากช่วงเวลาตลอดที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดเกมตอนนี้พวกเขาได้กลับมาสู่เดือน ธันวาคม 2013 หรือย้อนกลับไปถึงประมาณ 6 ปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 366,606 คนครับ
เรียกได้ว่าดูเหมือนสถาการณ์ของเกม Dota 2 ตอนนี้ยังคงไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก เพราะหากใครยังจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้ทางเราได้เคยรายงานถึงสถาการณ์ที่ว่าด้วยมีผู้เล่นชวนแฟนสาวมาเล่น Dota 2 ก่อนที่เธอจะต้องเจอกับประสบการณ์ไม่ดีในการเล่นไป ซึ่งทำให้เธอขยาดไปเลยทีเดียว
จริงอยู่ที่ว่าเกม Dota 2 มีผู้ชมการแข่งขันเยอะมาก ๆ แต่หากยอดผู้เล่นยังน้อยลงเรื่อย ๆ สวนทางกันแบบนี้ละก็มันคงไม่เป็นผลดีต่อผู้พัฒนาเกมและยอดของเงินรางวัลการแข่งขัน Esports ก็เป็นได้ครับ