สำรวจเงินอัดฉีดทัพนักกีฬาอาเซียน ก่อนระเบิดศึกซีเกมส์

สำรวจเงินอัดฉีดทัพนักกีฬาอาเซียน ก่อนระเบิดศึกซีเกมส์

เมื่อถึงการแข่งขันกีฬาสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์เฉพาะกีฬา หรือเป็นมหกรรมกีฬาก็ตาม หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเสริมขวัญและกำลังใจให้นักกีฬาในการทำผลงานให้ดีย่อมไม่พ้นเรื่องเงินอัดฉีดหรือโบนัสตามผลงาน เพื่อเป็นรางวัลของความสำเร็จและแรงจูงใจให้ทำผลงานให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับทัพนักกีฬา ไทย นั้น มี กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ในความดูแลของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นองค์กรหลักในการอัดฉีดทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติแต่ละครั้ง ซึ่งในมหกรรมกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะเปิดฉากในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ ยังคงยึดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินอัดฉีดให้นักกีฬาเท่ากับครั้งก่อน คือ เหรียญทอง 300,000 บาท, เหรียญเงิน 150,000 บาท และเหรียญทองแดง 75,000 บาท

อัตราดังกล่าวเป็นอัตราที่ปรับปรุงใหม่เมื่อปี 2562 โดยนอกจากนักกีฬาแล้ว สต๊าฟและสมาคมกีฬาที่ประสบความสำเร็จคว้าเหรียญรางวัลก็จะได้รับเงินอัดฉีดเช่นกัน โดยผู้ฝึกสอนกีฬาประเภทบุคคล ได้รับเงินรางวัลร้อยละ 20 ของเงินรางวัลทั้งหมดที่นักกีฬาได้รับ ส่วนผู้ฝึกสอนกีฬาประเภททีมที่มีนักกีฬา 7 คนขึ้นไป ได้รับเงินรางวัลร้อยละ 10 ของเงินรางวัลทั้งหมดที่นักกีฬาได้รับ ส่วนสมาคมกีฬาได้รับเงินรางวัลร้อยละ 30 ของเงินรางวัลทั้งหมดที่นักกีฬาได้รับ แต่ไม่เกินวงเงิน 6,000,000 บาท

ในการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทัพนักกีฬาไทยคว้ามาได้ 92 เหรียญทอง 103 เหรียญเงิน และ 123 เหรียญทองแดง เบ็ดเสร็จคิดเป็นเงินอัดฉีดกว่า 226 ล้านบาท

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า ขอให้ทัพนักกีฬาไทยสู้ศึกซีเกมส์อย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินอัดฉีดเพราะยังคงยึดหลักเกณฑ์เดิม ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด

สำหรับ สิงคโปร์ มีเรตเงินรางวัลที่ยึดตามหลักการเดิมที่คณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศกำหนดไว้ โดยนักกีฬาที่ได้เหรียญทองจากมหกรรมกีฬาซีเกมส์ จะได้เงินอัดฉีดคนละ 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (250,000 บาท)

ส่วน มาเลเซีย มีเรตเงินรางวัลที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่เหรียญทองละ 20,000 ริงกิต (158,000 บาท) ซึ่งบางสมาคมกีฬาได้ประกาศอัดฉีดเพิ่มเติมล่วงหน้าเอาไว้ เช่น สมาคมเรือพายที่ประกาศว่าพร้อมจ่ายในเรตเท่ารัฐบาลสมทบเข้าไปอีก

ขณะที่ ฟิลิปปินส์ นั้น หากยึดจากซีเกมส์หนก่อนที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ ได้เคาะเรตเงินรางวัลออกมาหลังจบการแข่งขันแล้ว โดยจ่ายเงินอัดฉีดให้นักกีฬาที่ได้เหรียญทอง 250,000 เปโซ (165,000 บาท), เหรียญเงิน 150,000 เปโซ (99,000 บาท), เหรียญทองแดง 100,000 เปโซ (60,000 บาท) ซึ่งคาดว่าในซีเกมส์ครั้งนี้น่าจะไม่แตกต่างกันมากนัก

บัมบัง สุนาวิโบโว ประธานบอร์ดกีฬาอีสปอร์ตแห่งอินโดนีเซีย (ภาพจาก antaranews.com)

ด้าน อินโดนีเซีย มีข้อมูลของสมาคมกีฬาอีสปอร์ตซึ่งบรรจุเข้าแข่งขันเป็นครั้งแรกว่า จะอัดฉีดเงินรางวัลเป็นขวัญกำลังใจให้นักกีฬาที่คว้าเหรียญทองคนละ 7 ล้านรูเปียห์ (16,000 บาท) เป็นแรงจูงใจให้ทำผลงานได้ดี

ในส่วนของ เวียดนาม เจ้าภาพ ซึ่งหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองจากการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ให้ได้ เหมือนกับที่เคยทำได้ตอนที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2003 นั้น ตรัน ดุ๊ก พ่าน ผู้ช่วยผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศเวียดนาม เผยกับสื่อท้องถิ่นว่า หลังจากพิจารณาสปอนเซอร์ต่างๆ แล้ว ได้ทำเรื่องเสนอให้กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว พิจารณาอนุมัติเงินอัดฉีดตามเรต ดังนี้ เหรียญทอง 10 ล้านดอง (15,000 บาท), เหรียญเงิน 7 ล้านดอง (11,000 บาท) และเหรียญทองแดง 5 ล้านดอง (7,500 บาท)

คาดว่าจะมีโบนัสอื่นๆ ตามมาจากภาคเอกชนภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทัพนักกีฬาเจ้าภาพโกยเหรียญได้เป็นกอบเป็นกำตลอดการแข่งขันรายการนี้

ภาพจาก vietnamnet.vn