ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “เอไอเอส” เร่งพัฒนาความแข็งแกร่งของธุรกิจ ในการให้บริการด้านดิจิทัลในหลากหลายมิติ ทั้งไฟเบอร์ออฟติก อีสปอร์ต ไอโอที เอไอ หรือแม้แต่ธุรกิจประกันภัย เอไอเอสก็เริ่มเข้ามาทำตลาดเพื่อแสวงหาช่องทางใหม่ๆ ในการให้บริการได้ตรงความต้องการของผู้ใช้บริการ และมองหาโอกาสสร้างรายได้ในรูปแบบอื่นเพิ่มเติม
เอไอลงลึกถึงแก่นธุรกิจ
ซันเจย์ แอนดรูว์ โทมัส หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) เข้ามารับตำแหน่งที่เอไอเอส เมื่อ ต.ค.ปีที่ผ่านมา แต่เพิ่งเปิดตัวกับสื่อเป็นครั้งแรก เขาเล่าว่า ยุคที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยี และยุคที่อยู่ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาด การทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ เพื่อให้ เอไอเอสยืนหยัดในฐานะ “เทค คัมพานี” เป็นสิ่งที่ตัวเองจะพยายามผลักดันเต็มที่ เพื่อสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ ขับเคลื่อนแหล่งรายได้ใหม่ๆ
สิ่งที่เขาเล่าต่อ คือ Cognitive Telco หรือ แนวคิดของการเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่อัจฉริยะด้วยศักยภาพของ “เอไอ” และ โซลูชั่น เทคโนโลยี ที่มีความยืดหยุ่นสามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งภายใต้บริบทของข้อจำกัดที่เกิดวิกฤติโควิด-19 การนำเทคโนโลยีที่พ่วงด้วย “เอไอ” มาใช้ เกิดข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับบริษัทที่ไม่มีถึง 4 เท่า
“เราวางเอไอเป็นแก่นสำคัญ และปล่อยทรัพยากรมนุษย์ให้ทำงานด้านอื่น ที่อาจต้องเกี่ยวข้องกับลูกค้าโดยตรง เพื่อนำมาเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัท ดังนั้นการทรานส์ฟอร์มเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอเราต้องดึงเอาศักยภาพของเทคโนโลยีมาใช้”
ออกแบบสินค้าจากดาต้า
ซันเจย์ เล่าว่า หลายคนมองผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ว่า จะมีข้อได้เปรียบหลายๆ อุตสาหกรรม เพราะสามารถรับรู้พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า ทั้งเว็บไซต์ที่เข้า รูปที่ถ่าย หรือการเสิร์ชหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต แต่ในความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น เอไอเอส ยึดถือเอาการรักษาความลับของลูกค้าเป็นเรื่องที่อยู่สูงสุด