ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก ประจำสัปดาห์ที่ 7 นำโดยแข้งจาก เชลซี, แมนฯ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ที่ติดโผเข้ามาทีมละ 2 ราย ส่วนดาวเตะเลือดเอเชีย ติดเข้ามาถึง 2 รายจากผลงานยอดเยี่ยมจากเกมล่าสุด
ผู้รักษาประตู : ดาบิด ราย่า (เบรนท์ฟอร์ด)
นายด่านสแปนิช คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ “เดอะ บีส์” บุกคว้าชัยที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม
ในช่วงเวลาสำคัญ ราย่า วัย 26 ปีป้องกันประตูสวย ๆ ถึง 3 หนทำให้เกมยังอยู่ในมือของ เบรนท์ฟอร์ด
กองหลัง : เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (เชลซี)
โชคร้ายที่ วีเออาร์ จับภาพที่เขาไปทำฟาวล์ใส่ ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส จน เชลซี ถูกยึดประตูคืน อย่างไรก็ตาม แนวรับเลือดกระทิงดุ มาจัดการทำแอสซิสต์สำคัญให้กับ ติโม แวร์โน่ เข้าชาร์จพา “สิงห์บลูส์” ขึ้นนำ 2-1 ก่อนจะมีส่วนกับประตูที่สามเมื่อเจ้าตัวซัดบอลไปชนคานแล้วมาเข้าทาง เบน ชิลเวลล์ ฮาล์ฟวอลเลย์สุดสวย
อัซปิลิกวยต้า ทำแอสซิสต์ในเกม พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 2 ครั้งจากการลงสนาม 7 เกม ซึ่งเป็นจำนวนแอสซิสต์เท่ากับฤดูกาลที่แล้วทั้งซีซั่นไปแล้ว(ลงเล่น 26 นัด)
กองหลัง : ดิเอโก้ ยอเรนเต้ (ลีดส์)
อีกหนึ่งแข้งชาวสเปนที่ติดเข้ามาในทีมยอดเยี่ยมชุดนี้ โดยเขาเป็นผู้ทำประตูชัยให้ ลีดส์ คว้าชัยเกมแรกในลีกซีซั่นนี้ได้สำเร็จ
กองหลัง : เทรโวห์ ชาโลบาห์ (เชลซี)
เป็นอีกครั้งที่แนวรับดาวรุ่งวัย 22 ปีทำประตูได้ในศึก พรีเมียร์ลีก การเคลื่อนที่ยามเติมขึ้นมาเล่นลูกเซตพีซ ชาโลบาห์ ทำได้ดีมากเหมือนมีสัญชาตญาณในการพุ่งเข้าทำประตู
ในซีซั่นนี้ ชาโลบาห์ มีโอกาสทำประตู 2 ครั้ง แล้วก็เกิดขึ้นทั้งสองประตูในเกมกับ คริสตัล พาเลซ และ เซาธ์แฮมป์ตัน
กองกลาง : แอนดรอส ทาวน์เซนด์ (เอฟเวอร์ตัน)
ประตูที่ ทาวน์เซนด์ ทำได้ใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด คือลูกคุณภาพอย่างแท้จริง ทั้งเรื่องการจับบอลด้วยข้างเท้าซ้ายด้านนอก ก่อนจะจบสกอร์ด้วยขวาแบบคมกริบ
อดีตแข้ง สเปอร์ส และคริสตัล พาเลซ ทำประตูทุกรายการไปแล้ว 5 ประตู ซึ่งมากกว่า 2 ซีซั่นที่ผ่านมารวมกันในสีเสื้อ “ดิ อีเกิ้ลส์” ( 2 ประตูจาก 61 เกม)
กองกลาง : ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก (สเปอร์ส)
เป็นมิดฟิลด์พันธุ์ที่ร่างกายเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่ง ฮอยเบิร์ก เข้าปะทะครั้งแล้วครั้งเล่า และเป็นฝ่ายเอาชนะคู่แข่งได้เสมอ โดยเกมเจอกับ แอสตัน วิลล่า แข้งเดนนิช นำบอลเปลี่ยนให้ สเปอร์ส กลับมาครอบครองบอลมากถึง 10 ครั้ง และทำประตูได้จากโอกาสยิงแค่ครั้งเดียว
กองกลาง : แบร์นาร์โด้ ซิลวา (แมนฯ ซิตี้)
โชว์ลีลาพลิ้วไหวจนผู้เล่น ลิเวอร์พูล หัวปั่นไปหลายคน แถมยังเกือบเรียกใบแดงให้กับ เจมส์ มิลเนอร์ ได้อีกต่างหาก โดยเกมนี้ แบร์นาร์โด้ ผ่านบอลสำเร็จในแดน “หงส์แดง” มากถึง 26 ครั้ง มากที่สุดในทีม “ซิตี้”
กองกลาง : ฟิล โฟเด้น (แมนฯ ซิตี้)
แม้จะพลาดโอกาสทำประตูในช่วงครึ่งเวลาแรก แต่ในครึ่งหลัง โฟเด้น แก้ตัวได้สำเร็จจากประตูตีเสมอ 1-1 ที่ยิงได้อย่างเฉียบขาด รวมถึงประตูตามเจ๊าครั้งที่สองที่เจ้าตัวเอาชนะแนวรับเจ้าถิ่น แล้วตบบอลมาหน้าประตู ก่อนที่ เควิน เดอ บรอยน์ สังหารเข้าไปไม่เหลือ
กองหน้า : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)
เป็นเกมที่ยืนยันคุณภาพในตัว โม ซาลาห์ ได้เป็นอย่างดี กับทั้งสองจังหวะที่ ลิเวอร์พูล ทำประตูได้ มันเกิดจากความสามารถอันยอดเยี่ยม โดยเฉพาะประตูที่สองที่เจ้าตัวเอาชนะแนวรับ ซิตี้ ก่อนจะยิงด้วยขวาส่งบอลจมมุมตาข่ายที่เสาสอง
นี่เป็นเกมที่ 7 ที่ดาวยิงอียิปต์ทำประตูติดต่อกันทุกรายการ เทียบเท่ากับสถิติก่อนหน้านี้ที่เขาเคยทำได้กับ “หงส์แดง” เมื่อเดือนเมษายนปี 2018
กองหน้า : ฮวาง อี-ชาน (วูล์ฟส์)
ดูเหมือนว่า วูล์ฟส์ ค้นพบตัวจบสกอร์เพื่อเป็นคู่หู ราอูล ฮิเมเนซ ได้เป็นที่เรียบร้อย ทั้ง ฮวาง อี-ชาน และดาวยิงเม็กซิกัน ต่างเข้าคู่ทำลายเกมรับ นิวคาสเซิล ได้ดีเยี่ยม โดย อี-ชาน เป็นแข้งวูล์ฟส์ คนแรกที่ทำสองประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ต่อจากที่ ดิโอโก้ โชต้า ทำไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020
กองหน้า : ซน ฮึง-มิน (สเปอร์ส)
จัดสองแอสซิสต์ช่วยให้ สเปอร์ส คว้าชัยในเกมลีกนัดแรกในรอบ 3 เกม ซน เป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกที่ทำให้ “ไก่เดือยทอง” สร้างโอกาสทำประตูได้หลายครั้ง โดยแอสซิสต์ในเกมนี้นับเป็นแอสซิสต์แรกในเกม พรีเมียร์ลีก รอบ 9 นัดที่เขาทำได้
Add friend ที่ @Siamsport
Getty Images
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]