ถือเป็นปีทองของวงการ อีสปอร์ต (eSports) จริง ๆ เพราะแม้หลายธุรกิจจะต้องเจ็บจากการระบาดของ COVID-19 แต่ ‘เกม’ กลับได้อานิสงส์ไปเต็ม ๆ เพราะทำให้คนทั่วโลกมีเวลาว่างมาเล่นมากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมเกมทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 1.59 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 9.3% และมีผู้เล่นอีกกว่า 2,690 ล้านคน! ด้วยความเย้ายวนดังกล่าว เป็นใครก็อยากจะเข้ามาในตลาดนี้ แม้แต่ ‘เดวิด เบ็คแฮม’ (David Beckham) อดีตนักฟุตบอลชื่อดังที่แจ้งเกิดกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและทีมชาติอังกฤษก็ไม่เว้น
หลังจากที่แขวนสตั๊ดเพื่อไปเป็นนักธุรกิจอย่างเต็มตัวโดยรับบทเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล ‘อินเตอร์ ไมอามี ซีเอฟ’ (Inter Miami CF) ในเมเจอร์ลีกของสหรัฐฯ เมื่อปี 2561 แต่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเบ็คแฮมก็ได้ทำเอาคนทั่วโลกงงด้วยการก้าวขาเข้าสู่วงการอีสปอร์ต โดยการก่อตั้งบริษัท ‘กิลด์ อีสปอร์ตส’ (Guild Esports) สำหรับปั้นนักกีฬาดาวรุ่ง โดยเริ่มจากจากเกม FIFA, Fortnite และ Rocket League
และในวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา เบ็คแฮมก็ได้ประกาศแผนขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO ในตลาดหุ้นลอนดอน โดยจะเปิดขายหุ้น 40% ของบริษัทในเดือนตุลาคมนี้ หวังระดมเงินทุน 20 ล้านปอนด์ เพื่อใช้ดึงดูดเหล่าเกมเมอร์หน้าใหม่ให้ได้ 20 คนภายในปีนี้ รวมถึงใช้ลงทุนในด้านอื่น ๆ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายการเป็น ‘แฟรนไชส์กีฬาระดับโลก’ แบบเดียวกับ ‘พรีเมียร์ลีก’ ‘NBA’ และ ‘NFL’ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าเป็น Top 10 แฟรนไชส์อีสปอร์ตของโลกภายใน 3 ปี
คาร์ลตัน เคอร์ติส (Carleton Curtis) ประธานบริหารของกิลด์ อีสปอร์ต กล่าวว่า ความนิยมของอีสปอร์ตที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทำให้แฟรนไชส์ที่มีอยู่หลายแห่ง สามารถสร้างรายได้จากกิจกรรมของพวกเขา ผ่านการขายสินค้า, การถ่ายทอดและรายได้จากตั๋วเข้าชมการแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันบางรายการ เช่น League of Legends ชิงแชมป์โลก เมื่อปี 2560 สามารถดึงดูดยอดผู้ชมได้กว่า 100 ล้านคน มากกว่าทัวร์นาเมนต์กีฬาใหญ่ ๆ อย่างศึกเทนนิสวิมเบิลดัน, ยูเอส โอเพน และการแข่งขันจักรยาน ตูร์ เดอ ฟรองซ์ เสียอีก และเราจะใช้ชื่อเสียงระดับโลกของเบ็คแฮมเพื่อสนับสนุนบริษัท
Source