eSport Sponsored

เปลือยตัวตนและหัวใจ “กิต Three Man Down” ความสำเร็จเหมือนเควสท์ในเกมส์ ต้องพัฒนาตัวเองเสมอ! | เดลินิวส์

eSport Sponsored
eSport Sponsored

ยกให้เป็นอีกหนึ่งหนุ่มสุดฮอตแห่งยุคนี้ สำหรับ กิตกฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ นักร้องนำวงดนตรีดัง ขวัญใจวัยรุ่นThree Man Down” ที่นอกจากผลงานด้านดนตรีของเขาจะโด่งดัง ครองชาร์ตและกวาดรางวัลอย่างท่วมท้นแล้ว แฟน ๆ ยังมีโอกาสเห็นหนุ่ม กิต ในบทบาทนักแสดงมากขึ้น ล่าสุดเจ้าตัวได้ท้าทายฝีมืออีกครั้ง เมื่อได้รับบทนำเต็มตัวครั้งแรกในภาพยนตร์ The Up Rank อาชญาเกม” ผลงานแนว Coming Of Age ดราม่า แอ็คชั่น จากผู้สร้าง เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล และ กันตนา กรุ๊ป ร่วมด้วยทัพนักแสดงมากฝีมือคับคั่ง อาทิ เอมภูมิภัทร ถาวรศิริ, มีนสุดารัตน์ ผุงศิริ และ แจ็คกิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา ร่วมด้วย ดู๋ สัญญา คุณากร หวนคืนจอหนัง ในรอบ 25 ปี และ เฟิด คาริญญ์ยวัฒ ดุรงค์จิรกานต์ หรือ เฟิด Slot Machine มาเพิ่มความเข้มข้น โดยกำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในตอนนี้

โดยเป็นเรื่องราวเมื่อ “ยู” ( กิต – กฤตย์) เด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ในการเล่นเกมแต่ในสายตาคนรอบข้างเขาคือเด็กไร้อนาคต ที่ได้รับข้อเสนอให้เข้าร่วมทีม The Up Rank” เพื่อรับงานปั้มแรงก์ จาก “โฮม” (เอม – ภูมิภัทร) หัวหน้าทีมปั๊มแรงค์ที่ใช้เกมเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งทุกอย่างที่ต้องการ โดยมี “พีท” (แจ็ค – กิตติศักดิ์) อดีตโปรเพลเยอร์ E-Sport สกิลเทพ และ “ทอย” (มีน – สุดารัตน์) สตรีมเมอร์สาวผู้หลงใหลในงานศิลปะและได้ร่วมเป็นหนึ่งในทีมปั๊มแรงค์ แม้ว่าการปั้มแรงค์จะผิด “กฎเกม” แต่ในเมื่อ “ไม่ผิดกฎหมาย” มันจึงกลายเป็นช่องโหว่ที่พวกเขาใช้หาเงินจากมัน แต่เมื่อความโลภครอบงำอาจต้องแลกมาด้วยมิตรภาพ ความฝัน และชีวิตของพวกเขาเอง!

ล่าสุด “บันเทิงเดลินิวส์” มีโอกาสได้พูดคุยกับหนุ่ม กิต Three Man Down ถึงบทบาทสุดท้าทายครั้งนี้ พร้อมเจาะลึกถึงสิ่งที่หนังต้องสะท้อน ผ่านชีวิต ความฝัน และเรื่องราวที่มากกว่า “เกม” นอกจากนี้ยังพาแฟน ๆ มาถอดตัวตนและความคิดของของหนุ่มกิต ทั้งในฐานะ เกมเมอร์ ศิลปิน นักแสดง สิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขาทำ และมุมมองต่อในวงการบันเทิง รวมไปถึงไมม่พลาดอัพเดทเรื่องหัวใจกับแฟนสาว พรอยมน มนสภรณ์ ชาญเฉลิม ที่หวานจนน่าอิจฉาด้วย

Q : ความน่าสนใจของ “The Up Rank อาชญาเกม” ทำไมถึงอยากมาร่วมโปรเจ็คต์นี้ ?

กิต : ตอนนั้นผู้จัดการบอกว่ามีหนังเข้ามา พอดูบทก็เป็นหนังเกี่ยวกับเกมอีกแล้ว แต่พออ่านบทไปไม่ใช่หนังเกม มันมีความเป็นชีวิต มีความดาร์ก ๆ อยู่ น่าสนใจดี บวกกับช่วงโควิดด้วย ว่างงาน (หัวเราะ) แต่พอเริ่มถ่ายปุ๊บ งานเปิดพอดีเลย มีงานเข้าเลย

Q : พูดถึงคาแรกเตอร์ “ยู” ให้ฟังหน่อย และทำการบ้านในการมารับบทนี้ยังไง?

กิต : บทของ ยู’ ตัวจริงดูเหมือนจะไม่มีอะไร เป็นคนที่ทะเยอทะยาน มีความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง เหมือนเขามีอะไรบางอย่างที่กดเขาไว้ เขาเลยรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า เป็นเด็กที่ไม่มีที่ไปในสังคม คือเป็นเด็กที่มีทักษะมาก เล่นเกมเก่ง แต่ด้วยบริบทของสังคมไทย แต่ทักษะนี้ไปทำอะไรไม่ได้ เหมือนเราดูเรื่อง โดเรมอน และคิดว่าโนบิตะห่วยแตก แต่จริง ๆ โนบิตะมีทักษะที่น่าทึ่งคือยิงปืนแม่นมาก บทยูต้องทำการบ้านตรงที่ยากที่สุดคือต้องแสดงอารมณ์ เพราะผมกับยูจะแสดงออกไม่เหมือนกัน เราต้องใช้พี่เต็นท์ (กัลป์ กัลย์จาฤก) พี่โอ๊ต (วทัญญู อิงควิวัฒน์) ผู้กำกับช่วยว่าเขาอยากได้แบบไหน กว่าจะจูนได้ประมาณหลายคิวครับ พอสักพักเริ่มเก็ตในการแสดงออกมา หนังเรื่องนี้ถือว่าผมเล่นเป็นตัวนำเต็มตัวครั้งแรกเลย จุดที่ยากสำหรับผมคือเดินครับ (หัวเราะ) นี่ผมพูดจริงนะ เพราะวันแรกยังไม่ลงล็อคและยังไม่อินตัวละคร ตอนนั้นยังไม่เข้าใจบท ไม่เข้าใจมู้ด (Mood) จริง ๆ ด้วยซ้ำ วันนั้นเลยเดินอย่างเดียวแล้วกัน แล้วฟังว่าจะต้องวิ่งตอนไหน เพราะผมไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องทำยังไง ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าคาแรกเตอร์ต้องใกล้ตัวแน่ ๆ แต่พออ่านบทไปมันไม่ใช่หนังเกม มันเป็นหนังชีวิตมากกว่า อย่างตัวผมชอบเล่นเกม แต่เล่นเกมชีวิตจริงกับในหนังมันต่างกันมากครับ

Q : ในเรื่องมีนักแสดงมากฝีมือมากมาย โดยเฉพาะ เอมภูมิภัทร และ ดู๋สัญญา ที่เรามีฉากต้องปะทะอารมณ์ การได้ร่วมงานกันเป็นยังไงบ้าง คิดว่าได้เรียนรู้หรือมีอะไรที่ประทับใจ เล่าให้ฟังบ้างมั้ย?

กิต : อย่างที่ผมบอกไปว่าการแสดงอารมณ์ยาก บางครั้งการแสดงอารมณ์เสียใจ โกรธ ใด ๆ เราแสดงออกไม่เหมือนกัน วิธีก็คือพี่เต็นท์จะให้ผมเล่นไปก่อนว่าถ้าเป็นกิตจะสวนไปยังไง เขาก็จะหยิบจับสิ่งที่เขาชอบ ถ้าอันนี้ไม่ใช่ยูเขาก็บอก มันก็ต้องใช้การปรับตัว พี่ดู๋นี่ถ่ายคิวสุดท้ายแหละ เลยจะเข้าใจมากกว่าตอนที่ถ่ายกับพี่เอมช่วงแรก ๆ ครับ

Q : หลังจากที่ได้สวมบทเป็น “ยู” คิดว่าตัวเองได้ถอดข้อคิดอะไรจากตัวละครนี้ รวมทั้งได้พัฒนาฝีมือการด้านการแสดงอะไรจากตัวละครนี้บ้าง?

กิต : ได้เห็นหลังจากที่หนังจบไปแล้ว เริ่มฉายแล้ว ผมเช็คกระแสจากโซเชียล เกิดคำถามมากมาย หนึ่งคือบางคนบอกว่าท็อปปิกแค่นี้เขาไม่เชื่อ ว่าสิ่งนี้จะมีประเด็นแบบนี้ หรือว่าถ้าเขาไม่เล่นเกม เขาจะเข้าใจมั้ย เขาไม่เล่นเกมจะดูหนังเรื่องนี้สนุกมั้ย อันนี้แหละคือปัญหาสังคมบ้านเรา ที่เป็นปัญหาการเปิดรับศิลปะ ปัญหาในการเปิดมหรสพใด ๆ ว่าถ้าไม่รู้จักก็จะไม่ดู ถ้าไม่เข้าใจก็จะไม่เสพ บางทีมนุษย์เสพในสิ่งที่เราไม่รู้ได้ เพื่อให้ได้ความรู้ใหม่ ๆ ได้สิ่งใหม่ ๆ ได้วัตถุดิบใหม่ ๆ ไม่งั้นเกิดเหตุการณ์เดิม อย่างตัวร้ายเดินตลาดก็จะโดนแม่ค้าด่า มันคือการนำเสนอให้เห็น ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นจริงขนาดนั้น ถ้าเอาดอกคิวเมนเทอรีในโลกนี้มากาง ก็ไม่ได้จริงทั้งหมด มันจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับความสนุกด้วย ทำให้คนสนุกไปกับมันด้วย ผมว่าการจะดูอะไรเปิดใจดีกว่า เปิดรับมันดีกว่าครับ

Q : ในฐานะที่ “กิต” เองก็เป็นสตีมเมอร์เล่นเกม มีมุมมองต่อการปั๊มแรงค์ยังไง?

กิต : ตัวผมเองรู้สึกว่าการปั๊มแรงค์แค่ในเกมนะ รู้สึกว่าแฉย ๆ มันไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าเรื่องจริงไม่ควร คือมันจะเสียในระบบนิเวศของเกม จะทำให้ความสมดุลของเกมเปลี่ยนไป พอสมดุลเปลี่ยนไปมันสะท้อนได้ในเชิงเศรษฐกิจ เชิงสังคม เชิงความสนุก ซึ่งสิ่งนี้เปรียบเทียบได้กับสังคมบ้านเรา ถ้าตำรวจยังจ้างคนไปสอบเพื่อที่จะเป็นตำรวจ มันเป็นการซื้อไอดีตำรวจมา ถ้าพูดในภาษาเกมนะ ซื้อแอคเคานท์ตำรวจมาเล่นเลย ซึ่งคนนั้นเล่นไม่เป็นด้วยซ้ำ แล้วส่งผลยังไง มันส่งผลต่อระบบสังคมบ้านเรา เราได้บุคลากรที่ไม่มีประสิทธิภาพออกมา เป็นการพังระบบของประเทศ แต่อันนั้นอยู่แค่ในเกม เพราะเกมมันอยู่ในโลกที่จำลองขึ้นมา อาจจะส่งผลต่อระบบของเกม ส่งผลต่อเศรษฐกิจของเกม เรื่องรายได้ของผู้พัฒนาส่งผลต่อผู้เล่นเลิกเล่น เพราะว่าทุกอย่างมันพังไปหมด เปรียบเทียบกับบ้านเราได้เลย ถ้ายังมีการจ้างสอบ จ้างทำ ติดสินบน ยังมีการซื้ขายสิ่งใดด้วยอำนาจ ด้วยชื่อเสียง มันก็พังเหมือนกันครับ

Q : เคยหัวร้อนจากการเล่นเกมบ้างมั้ย แล้วมีวิธีระงับความหัวร้อนยังไง?

กิต : บ่อยครับ (หัวเราะ) วิธีระงับตัวเองคือซื้อคีย์บอร์ดใหม่ ด้วยการซื้อคีย์บอร์ดให้แพงขึ้น ซื้ออุปกรณ์เกมให้แพงขึ้นจะได้ไม่ทุบ พอเราหัวร้อนปุ๊บ เอ้ย!…มันทุบไม่ได้ คีย์บอร์ดแพงผมเริ่มจากสิ่งนี้ แต่จริง ๆ ไม่หัวร้อนมานานแล้ว พอเราอายุมากขึ้น สุดท้ายแล้วเราต้องการแค่ความสนุก ความบันเทิงจากการเล่นเกม ถึงเล่นแพ้ก็สนุกอยู่ดี แต่ถ้าอยู่ในช่วงที่เราไม่ได้ทำงาน เรามีเวลาเยอะ ผมจะหัวร้อนแหละ เพราะผมเอาจริงกับมันมากขึ้น

Q : ในฐานะคนเล่นเกม คิดว่าตัวเองได้อะไรจากการเล่นเกมบ้าง?

กิต : ผมบอกได้เลยว่าชีวิตการตัดสินใจ ไหวพริบ รีเฟกต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิต ผมให้ 60-70 % มาจากเกมที่ผมเล่นมา อีก 20 % มาจากการ์ตูน 10% มาจากโรงเรียน โรงเรียนน้อยมาก (หัวเราะ) ถามว่าเล่นเกมมากี่ปี ผมเล่นมาตั้งแต่จำความได้ว่ามีเกมอยู่ในมือแล้ว เพราะว่าไม่มีของเล่นเป็นของตัวเอง มีเครื่องเกมเป็นของเล่นครับ

Q : การเล่นเกม ยังเป็นกรอบความคิดของผู้ใหญ่บางคนที่มอง “เด็กติดเกม” ในแง่ลบ แต่ปัจจุบันการเล่มเกมได้พัฒนาจนกลายกีฬาอีสปอร์ตในระดับโลกแล้ว “กิต” เองมีมุมมองตรงนี้ยังไง?

กิต : ผมมองว่าเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่คนยุคนั้นจะมอง แต่ว่าสมัยนี้ไม่เหมือนกันแล้ว สมัยนี้หยิบจับอะไรก็เป็นธุรกิจได้หมด ไม่ว่าจะเป็น ติ๊กต๊อก อินสตาแกรม หรือว่าเฟซบุ๊ค บางคนชอบเขียนอะไรเพ้อ ๆ ทุกวันนี้กลายเป็นเพจคำคมก็มี มันขึ้นอยู่กับเราจะเอาคืนมันยังไง ผมขอใช้คำนี้ ผมเล่นเกมผมเสียเงิน แล้วอยู่ดีวันหนึ่งตอนโควิดรอบแรก ผมว่าจะเอาคืนจากมันแหละ เพราะเติมเงินไปเยอะมากแล้ว ผมเริ่มใช้วิธีต่าง ๆ คือจะใช้คำว่าบูรณาการ ต้องทำยังไงให้ได้คืนกลับมา จริง ๆ ปัจจุบันคนเล่นเกมพัฒนาไปไกลแล้ว เพราะเป็นกีฬาอีสปอร์ตในระดับโลก ผมว่านี่แหละถ้าการบัญญัติขึ้นมาว่าเป็นการแข่งขัน ก็มีระดับโลกเกิดขึ้นในไทยแน่นนอนครับ

Q : หากบ้านไหนที่มีลูกหลานติดเกมมาขอคำแนะนำเรา อยากบอกเขาหรืออยากบอกผู้ใหญ่ให้เปิดใจยังไง?

กิต : สำหรับผมเกมมีหลายเฟต เฟตแรกคือเล่นเพื่อความสนุก เวลาเล่นเกมมันสนุก เฟตสองมันจะเครียด เพราะเราอยากชนะ ตรงนี้แหละที่ติดมาก แล้วเราจะเทิร์นไปเป็นคนเล่นเก่งให้ได้ มันต้องใช้การฝึกฝน ซึ่งมันก็ต้องติดเกมเป็นธรรมดา แต่เราเข้าเฟตสองจะเข้าเฟตสาม เป็นเฟตที่เราจะเอาคืนจากมัน เพราะฉะนั้นต้องชั่งน้ำหนักให้ถูกว่าเราติดเกมหรือเรากำลังทำอะไรอยู่ น้อง ๆ ต้องถามตัวเองด้วย เราติดเกมจริง ๆ หรือเล่นเพื่อความสนุก ถ้าเล่นทุกวันไม่ได้อะไรคืนจากมันเลย ทั้งความคิด ไหวพริบ สติ ปัญญา ไม่ได้อะไรเลย อันนี้ให้คิดทบทวนว่าเราควรแบ่งเวลาไปพัฒนาตัวเองด้วย แต่ถ้าเราทบทวนอยากเป็นโปรเพลเยอร์ ข้ามกำแพงใดกำแพงหนึ่ง ถ้าเป็นลูกผมนะ ดูว่าเขาไปได้ ฝืมือเขาไปได้ ผมให้เวลาเขาเต็มที่เลย แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องแบ่งร่างกายด้วย ออกกำลังกาย กินอาหารที่เป็นประโยชน์ด้วยครับ

Q : นอกจากความสนุกแล้ว อยากให้คนที่เข้ามาดูเรื่อง “The Up Rank อาชญาเกม” ได้ข้อคิดอะไร?

กิต : ผมขอตอบแบบพี่เอมแล้วกัน ได้อะไรมันอยู่ที่ว่าเราเก็บเกี่ยวกับสิ่งใดออกจากศิลปะชิ้นนั้น เพราะว่าศิลปะชิ้นใดก็ตาม มันคือสิ่งที่ตกตะกอนจากผู้สร้างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือภาพอะไร มีค่ากับใครบางคนเสมอในบริบทที่เขาเข้าใจ

Q : อัพเดทผลงานอื่น ๆ หน่อย มีงานอะไรเซอร์ไพรส์แฟน ๆ อีกบ้าง?

กิต : สำหรับตอนนี้เลยก็หนังเรื่อง ‘The Up Rank อาชญาเกม’ เข้าฉายแล้วในโรงภาพยนตร์ ทุกโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านคุณ ส่วนผลงานอื่นๆ ของผมเดี๋ยวจะมีซิงเกิ้ลใหม่ให้ได้ฟังกัน รอติดตามกันได้เลย

Q : ตอนนี้เหมือน “กิต” มาทางนักแสดงมากขึ้น มีวิธีแบ่งเวลาในการทำงานยังไง และมีวิธีเลือกรับแต่ละบทบาทยังไง?

กิต : แบ่งเวลายังไงเหรอครับ ไม่มีครับ แลกเลือดเอา(หัวเราะ) ผมว่าทุกคนที่อยู่ในวงการเข้าใจคำว่าแลกเลือดเนอะ จบกองนั้นไปกองนี้ต่อเลย บางคนไม่ได้นอน 7 โมงเช้าถึง 7 โมงเช้าอีกวัน ซึ่งผมก็เคยมีแบบนี้ เอาจริงๆ ผมจัดการไม่ได้เลย เพราะเราทำงานกับหลายชีวิตมาก จะเอาตัวเองเป็นหลักไม่ได้ ไหววันไหนก็ไป วันไหนไม่ไหวก็เคยบอกว่าไม่ไหว แล้วก็ไม่ไหวจริง ๆ สำหรับการเลือกรับงานแสดงของผมก็คือผมอยากเล่นในสิ่งที่ผมคิดว่ามีประโยชน์กับตัวผมและกับคนดู อย่างเรื่องนี้ที่รับเพราะผมรู้สึกว่ามันให้อะไรกับคนดู ถ้าเป็นบทต่อ ๆ ไปก็อยากเล่นที่มันอยู่นอกเซฟโซนผมไปเรื่อย ๆ บทที่ผมไม่เคยเล่นครับ

Q : ขอถามถึงเรื่องวง “Three Man Down” ล่าสุดที่มี โอม มือเบส ออกจากวง จนมีดราม่า ช่วยชี้แจงอีกที?

กิต :ไม่มีอะไรเลย เรื่องปกติที่บางคนถึงช่วงเวลาหนึ่งแล้วก็อยากจะแยกย้าย มีการตกลงกันแล้ว เราไม่ได้ทะเลาะกัน เราตกลงกันเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะประกาศออกไปหลายวันแล้ว พอประกาศออกไปมันก็เป็นเรื่องปกติที่คนจะคิด แต่ที่แยกทางผมไม่ได้ทะเลาะกัน แต่ผมไม่ต้องมาอธิบายให้คนทั้งประเทศรู้ว่าผมไม่ได้ทะเลาะกัน เพราะเป็นเรื่องของวงผม พวกผมเข้าใจกันแล้วแค่นั้นพอ แต่ใครจะพูดยังไงผมไม่สนใจนะ ผมเอาแค่ความรู้สึกของผมกับโอมมันยังดีต่อกันแค่นี้พอแล้ว

Q : เห็นว่าจะไม่มีการออดิชั่นมือเบสแทนที่ “โอม” ทำไมตัดสินใจแบบนี้ แล้วให้ใครมาเล่นในตำแหน่งเบส?

กิต : มันมีวันแรก ๆ พอประกาศปุ๊บ จะมีคนมาทักว่าพี่รับมือเบสมั้ยครับ ผมออดิชั่นได้มั้ย ผมเล่นได้นะ จริง ๆ โอมก็ไม่ได้ไปไหนนะ มันก็ยังอยู่ที่เดิม มันก็เลยยังไม่มีใครเกิดขึ้นมาตอนนี้

Q : ณ วันนี้ที่กิตอยู่ในวงการมากว่า 9 ปี ในวงการ มีวิธีรับมือกับดราม่าต่าง ๆ ของ “กิต” เป็นยังไง?

กิต : ถ้าวันแรกที่เข้าวงการที่ถ่ายโฆษณาก็นานมากแล้ว ผมเล่นโฆษณาครั้งแรกตอน ม.4 ถามว่ารับมือกับข่าวดราม่าต่าง ๆ ยังไง ผมว่าทุกวันนี้ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูด ไม่ได้เชิงรุกล้ำหยาบคาย มีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็นหมด สำหรับข่าวตอนนี้ผมไม่เสพแล้ว อยากรู้ว่าตอนนี้ประเทศเราเมื่อไหร่จะดี ประเทศนั้นประเทศนี้เมื่อไหร่สงครามจะหยุดมากกว่าครับ

Q : “Three Man Down” มีเพลงฮิตและคว้ารางวัลมากมาย คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยัง?

กิต : ผมว่ามนุษย์เราประสบความสำเร็จได้เรื่อย ๆ ตามความต้องการของตัวเองเลย ถ้าเปรียบเป็นเกม The Up Rank เราเล่นเกมหนึ่ง มันมีเควส (Quest) หนึ่ง มันก็ขึ้นว่าเควสนี้คุณทำสำเร็จ แต่ก็เควสต่อไป ผมก็เหมือนกัน วันแรกผมอยากจะมีเพลง พอผมมีเพลงผมก็อยากมีเพลงที่ทุกคนรู้จัก ทุกคนรู้จักผมก็มีอัลบั้ม แล้วก็มีคอนเสิร์ต ผมก็เก็บเควสเนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ ครับ

Q : มีอะไรที่คิดว่าตัวเองอยากพัฒนาอีกบ้างมั้ย?

กิต : มีเรื่อยๆ เลย ชีวิตเราต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ ครับ อย่าหยุดพัฒนา

Q : สิ่งที่ภูมิใจที่สุด ที่เคยทำได้ คืออะไร?

กิต : รู้สึกว่าได้แสดงความคิดเห็นเป็นตัวเองออกสื่อ อันนี้คือที่ผมชอบนะ ผมรู้สึกว่าผมพูดไปแล้ว มีคนที่เข้าใจเรา ซึ่งเป็นน้อง ๆ หรือพี่ ๆ ที่เข้าใจ ติดตามเรามาตั้งแต่แรก เขาเข้าใจว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ กำลังพยายามเปลี่ยนสิ่งใด ๆ ที่อยู่ในสังคมการออกสื่อบ้านเรา ผมอยากเปลี่ยนตรงนี้ เพราะผมเรียนนิเทศฯ มาด้วย

Q : ขออนุญาตอัพเดทความรัก อยากรู้ว่าประทับใจอะไรในตัว “พรอยมน มนสภรณ์” ถึงรู้สึกอยากศึกษาดูใจกัน?

กิต :ประโยคหนึ่งที่พลอยพูดว่า ผมโดนแล้วแหละ (ยิ้ม) ก็คือเราคุยกันไปสักพัก พอคุย ๆ ไป เรารู้สึกว่าความสัมพันธ์นี้มันต้องขยับ ซึ่งเราตกลงว่าจะขยับแล้ว คุยกันว่าเรามีเนเจอร์ยังไง เรามีพฤติกรรมยังไงที่ไม่เหมาะสม หรือมีอดีตที่มันเป็นแผลมายังไง พลอยก็พูดออกมาว่า ‘คนอย่างมึงต้องเจอคนอย่างกู’ แค่นี้เลย ผมเลยรู้สึกว่าโอเคเลย (หัวเราะ) คนนี้แหละ

Q : ในฐานะคนดัง มีวิธีดูแลความรัก ท่ามกลางการถูกจับตามองยังไง?

กิต :ตอนนี้ไม่มีใครมานั่งปิดกันแล้ว ขนาดจัสติน บีเบอร์ยังโชว์ก้นออกสื่อเลย แล้วเราละ ทำไมถึงโดนกดเรื่องการเปิดเผยความเป็นชีวิตของเราด้วย ซึ่งความรักมันเป็นสิ่งที่ดีด้วย ในศาสนาคริสต์ยังบอกเลยว่าความรักเป็นสิ่งที่ดีสำหรับมนุษย์ แล้วพอเรารักกันทำไมถึงเปิดไม่ได้ แล้วสมัยนี้แล้วน้อง ๆ ไม่มีใครมานั่งสนใจแล้วเรื่องนี้ เขาสนใจในเรื่องผลงาน เขารักในตัวศิลปินคนนี้ ในตัวดาราคนนี้ ถ้าเขามีความสุข เราก็มีความสุขด้วย

Q : อีกหนึ่งความรักคือแฟนคลับ มีอะไรประทับใจเกี่ยวกับ “ชาวเมือง” เล่าให้ฟังบ้าง?

กิต : ผมประทับใจตรงนี้แหละที่ผมพูดไป น้อง ๆ พี่ ๆ ไม่ว่าผมจะทำอะไร เช่นถ้าผมพูดแล้ว ไปเป็นประเด็นในสื่อที่เขาคิดว่าเล่นในข่าวได้ แฟนคลับจะไปบอกเลยว่าคุณไม่รู้จักคนชื่อกิตเลย เพราะแฟนคลับเขาก็เซฟผมด้วย เพราะบางข่าวมันบิดเบือนความจริง ตัวผมเองเคยบอกแฟนคลับนะ ถ้าวันหนึ่งผมนิสัยเสียบอกผมด้วย ด่าผมได้เลยครับ

เรียกว่าเป็นศิลปินหัวก้าวหน้า ที่มีตัวตนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมเปิดรับข้อผิดพลาดและพัฒนาตัวเองเสมอ จึงไม่แปลกเลยว่าทำไม “กิต Three Man Down” จึงขึ้นแท่นศิลปินแห่งยุค ที่ยึดครองใจแฟน ๆ ในปัจจุบันได้อยู่หมัด

eSport Sponsored
อีสปอร์ต

อีสปอร์ต (อังกฤษ: Esports) หรือ กีฬาอิเล็กทรอนิกส์ (อังกฤษ: electronic sports) คือกีฬาประเภทบุคคลหรือทีมชนิดหนึ่ง กรมกีฬาได้จัดEsportเป็นส่วนหนึ่งของกีฬาที่เกี่ยวกับกับการแข่งขันวิดีโอเกม โดยมีการแข่งตามประเภทของวิดิโอเกมเช่น เกมวางแผนการรบ, เกมต่อสู้, เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง, โมบา , เกมอินดี้ การแข่งขันนั้นแบ่งออกเป็นระดับสมัครเล่น กึ่งอาชีพ และระดับมืออาชีพ รวมถึงมีรายการแข่งขันและลีกต่าง ๆ เช่นเดียวกับกีฬาทั่วไป ในปี 2017 ผู้ชมอีสปอร์ตมีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 385 ล้านคนทั่วโลก

This website uses cookies.