ประชุมผู้ถือหุ้น – สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด(มหาชน) เป็นประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 พร้อมด้วย พิสิฐ กุศลาไสยานนท์, เกริด เคิร์ก สตีป, ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์, มาร์คแลนด์ เบลคล็อค, รณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ณ ห้องเอ็ม 4 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็วๆ นี้
ช่วยผู้ป่วยเด็ก – ผู้บริหารระดับสูงจาก Sea (ประเทศไทย) เป็นตัวแทนบริษัท มอบเงินสมทบทุนแก่มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก 1,000,000 บาท และอีก 500,000 บาท จากเหล่าเกมเมอร์และแฟนอีสปอร์ตไทยประมาณ 12,500 คน ในกิจกรรม Garena Get & Give ภายในงาน Garena World 2021 ที่ร่วมสมทบทุนด้วย โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นทุนจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจและเป็นทุนในการรักษาผู้ป่วยของ
โรงพยาบาลเด็กซึ่งเป็นศูนย์ที่รับดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีผู้ป่วยเด็กเข้ารับการรักษาตัวมากที่สุดในปัจจุบัน โดย นพ.อดิศักย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เป็นผู้รับมอบ
รับผ้าห่ม – พญ.ประกายพรึก ทั่งทอง รองผู้อำนวยการ (ฝ่ายการแพทย์) โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน รับมอบผ้าห่มไทยประกันชีวิต จำนวน 500 ผืน มูลค่า 100,000 บาท จาก วราภรณ์ ลีกุลนิมิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงาน สายงานส่งเสริมกิจกรรมองค์กรเพื่อสังคม บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ใช้ขณะพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนาม ณ โรงพยาบาลผู้สูงอายุ บางขุนเทียน เมื่อเร็วๆ นี้
สนับสนุนตร. – จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด มอบน้ำดื่ม อาหารพร้อมทาน (ข้าวรีทอร์ท) และเครื่องตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด ให้กับ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อสนับสนุนการทำงานของตำรวจนครบาลในการดูแลพี่น้องประชาชน โดยมี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.อัศวยุทธ นุชพุ่ม ผู้บังคับการประจำ บช.น. รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) ร่วมรับมอบ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเร็วๆ นี้
มอบเจลแอลกอฮอล์ – บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) NPS มอบผลิตภัณฑ์เจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัย ให้กับ อุษณีย์ แจ้งหลำ ประธานอาสาสมัคร ต.เขาหินซ้อน รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์แก่ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ พร้อมยังมอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้กับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านม่วงโพรง และ โรงพยาบาลสนามพุทธโสธรประชารักษ์ เพื่อเป็นกำลังใจและร่วมสู้โควิด-19 ครั้งนี้ไปด้วยกัน เมื่อเร็วๆ นี้
…การคลี่คลายปัญหา ก่อนอื่นต้องเริ่มต้นที่ ยอมรับว่าเกิดปัญหาก่อน การรับมือ โควิด ของประเทศเรา ตราบใดที่ ผู้มีอำนาจ ปกป้องตัวเองว่า ทำดีที่สุดแล้ว ซึ่งอีกความหมายถึงคือ ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้
นั่นแหละคือปัญหา โควิดระบาดมาเป็นปี วิธีบริหารจัดการที่ถูกต้อง
ผู้นำหลายประเทศทั่วโลก ทำให้เห็น หากรู้จักศึกษาเพื่อปรับปรุงความสามารถตัวเอง ไม่จมอยู่กับ ความอวดดื้อถือดี การหาวิธีการที่ดีกว่าจะไม่ถูกบล็อกด้วย ทำดีที่สุดแล้ว
…ชี้ให้เห็นกันตั้งแต่เริ่มระบาดว่า การบริหารวัคซีน หากเกิดความผิดพลาด หรือกระทั่งแค่หละหลวม จะกระทบต่อความน่าเชื่อถือ และความยุ่งยากจะตามมา แต่เพราะ ความอวดเก่ง ทำให้ คำเตือน นั้น เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่กระตุ้นให้เกิด ปัญญา ที่จะคิดเตรียมการรับมือ เมื่อสถานการณ์เป็นไปตามคำเตือน กระแสโจมตีจึงเกิดมากมาย ด้วยท่าทีรุนแรงขึ้น จึงตามมาด้วยอาการหันรีหันขวาง เริ่ม โทษกันไปโทษกันมา ไม่ใช่แค่ระหว่างคนที่ทำงานร่วมกัน แต่เริ่มชี้ว่าเป็น ความผิดของประชาชน อีกแล้ว
…เหมือนกับ ดี ที่ ไฟเซอร์ ช่วยแถลงยืนยันข้อมูลของ อย. ว่า ยังไม่ได้ส่งวัคซีนโควิดเข้าไทย และยืนยันจะ ขายให้เฉพาะภาครัฐเท่านั้น แต่เอาเข้าจริง ได้แค่ตอบโต้หักล้างข้อมูลของ พี่โทนี่ แต่ผลอีกทางคือ กระแสที่ปล่อยให้เกิดความไม่เชื่อมั่นใน วัคซีนที่รัฐบาลเลือกให้ ขณะที่ ประชาชนต้องการเลือกเอง โดยมี ไฟเซอร์ เป็นอันดับแรกๆ ที่อยากเลือก เมื่อ ไม่มีที่อยากได้ กลับได้ที่ไม่อยากเลือก น่าจะเกิดความไม่พอใจมากกว่า แต่ก็นั่นแหละ การได้หักหน้าโทนี่ อาจจะสำคัญกว่าการแคร์ความรู้สึกของประชาชน
…เรื่องที่ นพ.ยง ภู่วรวรรณ เสนอ ยืดระยะเวลาการฉีดวัคซีนเข็ม 2 ออกไป เพื่อให้ เข็มแรกได้ฉีดอย่างกว้างขวาง แต่นั่นเป็นการตอกย้ำ ความล้มเหลวของการบริหาร อีกรอบ และเมื่อ มาตรฐานการฉีดคือ 2 เข็ม แล้ว ไทยแลนด์ เลือกที่จะชะลอการทำตามมาตรฐาน เพราะ ไร้ความสามารถในการจัดหาวัคซีนให้ทัน คำถามที่ว่า จะอยู่กับรัฐบาลแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน น่าจะดังขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอน ความร้อนแรงของคำตอบ น่าจะได้เห็นกัน
…ก่อนที่จะตอบโต้กระแส ย้ายประเทศกันเถอะ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ความมั่นคงของประเทศ ควรเข้าไปศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกหลานไทยจึงคิดเช่นนี้ อย่างน้อยเข้าไปฟัง เพื่อได้รู้ว่า มันไม่ใช่เรื่องการเอาแค่ใจของเยาวชนคนรุ่นใหม่ แต่มันเกิดจาก ความสิ้นหวัง ที่ มองไม่เห็นโอกาสจะสร้างอนาคตที่ดี และไม่ใช่เรื่องที่เด็กคิดกันด้วย อารมณ์ชั่ววูบ หรือ ประชดประชัน แต่ส่วนใหญ่เป็น ความต้องการจริงๆ แน่นอนคนที่ เยาะเย้ยถากถาง หรือ ผสมโรงขับไสไล่ส่ง นั้นมีอยู่ แต่ถ้าพอมี วุฒิภาวะ เหลืออยู่ในจิตสำนึกบ้าง น่าจะพอคิดได้ว่า คนแบบไหนที่สมควรรับฟัง
…ระบบการศึกษาที่ไม่ทันความเปลี่ยนแปลงของโลก เกือบทั้งหมด จบมหาวิทยาลัยแล้วไม่มีงานทำ หรือทำงานที่อาชีพที่ไม่ต้องเรียนก็ได้ ผสมกับสถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้ เศรษฐกิจทรุดหนัก อย่าเลยไปถึง อนาคต แต่ ประคองชีวิตให้ผ่านไปแต่ละวันยังยากลำบาก ทำให้ ย้ายประเทศกลายเป็นความฝันที่ต่างอยากที่จะไปให้ถึง หากคิดได้ว่า ไม่ควรทำให้ความสิ้นหวังขนาดนั้นเกิดขึ้น หรือ ต้องหาทางบอกกล่าวว่าประเทศไม่ได้ไร้อนาคตขนาดนั้น ย่อมคิดได้ว่า การขับไสไล่ส่ง เป็นเรื่องไม่สมควรทำ เพราะเป็นท่าทีที่ น่าละอาย
…แม้ที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า การแจกเงิน ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักกับ การสร้างกำลังซื้อมาหมุนเศรษฐกิจ เพราะเม็ดเงินผูกเก็บเข้าบัญชี มหาเศรษฐี รวดเร็วเกินไป ทำให้ เงินไม่หมุนไปหลายๆ รอบ แต่ โควิดรอบ 3 จะสาหัสกว่าที่ทุกคนคิด ถ้าลองไปเดินชมเมือง ดูร้านรวง ชม ตลาดสด จะพบเห็น ความทดท้อ เกิดขึ้นกับคนทำมาหากิน คงอีกไม่นาน เดือดร้อนทุกหย่อมย่าน ที่เคยเป็น คำพังเพย น่าจะ มีให้เห็นเป็นภาพจริง
ชโลทร
“เครือซีพี” เบื้องหล…
This website uses cookies.