‘โฆษกเพื่อไทย’ เบรก ปชป. ทำความเข้าใจ ‘ซอฟต์เพาเวอร์’ ให้ดีก่อน ระบุ ‘ทักษิณ’ เป็นคนคิด
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 กันยายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค พท. กล่าวถึงกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9-10 กันยายนที่ผ่านมาว่า จากกรณีคนในพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาตอบโต้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่าลอกนโยบาย ทั้งในเรื่องของคำว่าเซลส์แมนขายสินค้าเกษตรในต่างประเทศ หรือซอฟต์เพาเวอร์ โดยระบุว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำมาตลอด บุคคลผู้นั้นอาจจะไม่ทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่าซอฟต์เพาเวอร์ โดยซอฟต์เพาเวอร์ของ พท.คือต้นทุนทางวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่ในวิถีชีวิต วัฒนธรรม และสังคมไทย มีความสร้างสรรค์ ความละเมียดที่ดำรงอยู่ที่แสดงออกผ่านการปรุงอาหาร การประดิษฐ์สร้างสรรค์ หัตถกรรม ไปจนถึงงานศิลปะทุกแขนง สามารถด้านกีฬา การเขียนซอฟต์แวร์ และความสามารถทางอีสปอร์ต ฯลฯ
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า แต่หากมาดูผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันเกี่ยวกับซอฟต์เพาเวอร์ของกระทรวงพาณิชย์ที่นำโดยนายจุรินทร์ยังถูกตั้งคำถาม เพราะที่ผ่านมาคนไทยที่มีฝีมือ หรือองค์กรภาคเอกชนก็ล้วนดิ้นรนหาทางเติบโตเองทั้งสิ้น
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ หากจะกล่าวถึงคำว่า “เซลส์แมน” หรือ “ทูตการค้า” นั้น บุคคลที่ริเริ่มใช้คำนี้คือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่กระตุ้นให้ผู้แทนทางการทูตในต่างประเทศในขณะนั้น ร่วมมือกันขายภาพพจน์และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ไปเจาะตลาด สร้างรายได้ในต่างประเทศ โดยนายทักษิณได้ใช้ความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญในการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นำมาปรับใช้ในขณะที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ จนมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้นำสินค้าไทยไปขายในเวทีโลก ซึ่งทั้งหมดเป็นการสานต่อแนวคิด เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีแนวคิดสร้างเศรษฐกิจเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนเช่นเดียวกัน หากใครจะเอาคำนี้ไปใช้ก็ไม่ว่ากัน หากทำแล้วเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า รัฐบาลพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงพรรค พท. ได้คิดค้นและพัฒนาแนวคิดจากหลายภาคส่วน ทั้งในและต่างประเทศ จนต่อยอดมาเป็นนโยบายใหม่ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ที่ล้วนเปลี่ยนชีวิตให้กับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่คิดค้นขึ้นใหม่ครั้งแรก นโยบาย 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (OTOP) และอีกมากมาย ที่พัฒนาต่อยอด คิดใหม่ ทำใหม่ให้กับคนไทย จนกลายมาเป็นนโยบายหลักที่สร้างความเท่าเทียม สร้างโอกาส สร้างชีวิตใหม่ให้กับคนไทยมาจนถึงปัจจุบัน
“ไม่มีรัฐบาลไหนยกเลิกโครงการดังกล่าวได้ แม้แต่รัฐบาลนี้ก็ยังต้องดำเนินการต่อ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เองยังเคยนำเอาโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคไปพูดบนเวทีโลก แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้แสดงท่าทีอื่นใดต่อการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด” น.ส.ธีรรัตน์กล่าว