ใครคู่ควรกองหน้าหมายเลข1 ทัพช้างศึกลุยคัดบอลโลก – สยามกีฬา

อย่างที่ทราบว่าทีมชาติไทยชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ อากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น มีโปรแกรมสำคัญในส่วนของการคัดเลือกฟุตบอลโลกที่เหลือโปรแกรมอีก 3 นัด ที่จะพบกับ อินโดนิเซีย , ยูเออี และ มาเลเซีย โดยจะแข่งขันที่ประเทศ ยูเออี ต้องบอกว่ารายการนี้สุดสำคัญที่ทีมชาติไทยจะต้องผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายให้ได้เหมือนครั้งก่อนหน้านี้

    จากการประกาศรายชื่อเรียกนักเตะทีมชาติไทยมาเข้าแคมป์เก็บตัวที่ผ่านมาอีกหนึ่งตำแหน่งที่น่าสนใจและเป็นตำแหน่งที่สำคัญมากๆ คือในส่วนของ กองหน้า  นิชิโนะ ทำการเรียกนักเตะมาหลายคนด้วยกันแต่ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าเบอร์หนึ่งของวงการฟุตบอลไทยตัดสินใจถอนตัวหลังจากสภาพร่างกายไม่พร้อมมีอาการเจ็บติดตัวทำให้เป็นการบ้านชิ้นใหญ่ของ นิชิโนะ ที่ต้องหาคนมาแทน ธีรศิลป์ แดงดา 

    โดยนักเตะตำแหน่งศูนย์หน้าที่เหลือมีดังต่อไปนี้ ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม จาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด  , ศุภชัย ใจเด็ด  จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ต  ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด  และ อดิศักดิ์ ไกรษร จาก เมืองทองฯ ที่ปล่อยให้ การท่าเรือ เอฟซี ยืมตัวไปใช้งาน ซึ่งแต่ะละคนมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันแต่ทุกคนพร้อมที่จะลงช่วยทีมชาติไทยแน่นอน

    คนแรกคือ ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม กองหน้าวัยรุ่นจอมยิงประตูจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด  ฤดูกาลที่ผ่านโชว์ผลงานได้อย่างสุดยอดด้วยการกดไป 12 ประตูด้วยกันจุดเด่นของ ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม คือการเป็นกองหน้าสไตล์ฟุตบอลญี่ปุ่นเพราะเขาเคยไปค้าแข้งฟุตบอลญี่ปุ่นกับทีม เอฟซี โตเกียว ชุดเยาวชนมา จึงนำประสบการร์ตรงนั้นมาปรับใช้ได้เป็นอย่างดี ณัฐวุฒิ เป็นกองหน้าที่หาพื้นที่ ดีสุดๆ แถมยังมีจังหวะจบสกอร์ที่คมกริบ รวมไปถึงพร้อมพุ่งเข้าไปหาฟุตบอลโดยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น 

    เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกองหน้าวัยรุ่นไทยที่น่าจับตามอง แต่ ณัฐวุฒิ  มีข้อที่ต้องปรับคือการเล่นกับเพื่อนร่วมทีมรวมถึงประสบการณ์ในทีมยังไม่เยอะมากเท่าไหร่ 

    รายที่สอง คือ ศุภชัย ใจเด็ด จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นี่คือกองหน้าที่ได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชาติไทยเต็มที่ในช่วงหลัง ถึงแม้ว่าฤดูกาลที่ผ่านผลงานของ ศุภชัย กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อาจไม่เปรี้ยงปร้างเท่าไหร่แต่เจ้าตัวได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องจุดเด่นของ ศุภชัย รูปร่างสูงใหญ่มีประโยชน์อย่างมากในเรื่องของลูกกลางอากาศทั้งโหม่งประตูหรือการช่วยเกมรับ และยังมีการพักบอลให้เพื่อนร่วมทีมรวมถึงยังมีการลงมาเชื่อมเกมได้ดีอีกด้วยเรียกได้ว่าเป็นกองหน้าสมัยใหม่ในโลกของฟุตบอลแต่จุดที่ต้องปรับก็คือจังหวะการจบสกอร์ที่อาจยังไม่ดีเท่าไหร่ 

    รายที่สาม ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกหนึ่งกองหน้าดาวรุ่งอนาคตไกลของวงการฟุตบอลไทยแต่ทว่าเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาเจออาการบาดเจ็บเล่นงานแต่กลับมาได้ในช่วงท้ายฤดูกาลจุดเด่นของ ศุภณัฏฐ์ คือจังหวะจบสกอร์ที่คมกริบ ง้างเท้าทีไรมีโอกาสได้ลุ้นประตูตลอดรวมถึงจังหวะการเล่นกับไลน์กองหลังที่ ศุภณัฏฐ์ ทำได้ดีมากๆเขามักจะหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงประตูบ่อยแต่ทว่าเรื่องที่น่าห่วงของ ศุภณัฏฐ์ คือเรื่องของการบาดเจ็บที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ

    และรายสุดท้าย “กอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร กองหน้าจอมเก๋าของฟุตบอลไทยที่ผ่านสมรภูมิกับทีมชาติไทยมาอย่างมากมายจุดเด่นของเจ้าตัวนั้นมีมากมายทั้งจังหวะการหาพื้นที่ การจบสกอร์ที่โป้งเดียวจอด รวมถึงยังสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในเกมรุกอีก ด้วยฤดูกาลที่ผ่านมา อดิศักดิ์ โชว์ผลงานได้ดีกับ การท่าเรือ เอฟซี ด้วยการกดไป 11 ประตูด้วยซึ่ง อดิศักดิ์  น่าจะเป็นความหวังในการยิงประตูของทีมชาติไทยในคัดบอลโลกได้แน่นอนแต่จุดที่น่าห่วงก็คือสภาพร่างกายที่มักจะมีอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยเท่านั้น 
                      
    เรียกได้ว่าการต่อสู้ตำแหน่งศูนย์หน้าทีมชาติไทยเข้มข้นแน่นอนซึ่งแต่ะละคนฝีเท้าดีและอยู่ในช่วงที่กำลังมั่นใจทั้งนั้นซึ่งคนไหนทำได้ดีที่สุดน่าจะถูก นิชิโนะ เลือกเข้าไปลุยคัดบอลโลกแน่นอนเพราฉะนั้นจับตาให้ดีว่าใครจะเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งทีมชาติไทยในครั้งนี้