BMW ซีรีส์3-ซีรส์5 ปราดเปรียวเหนือระดับ

การทดสอบสมรรถนะจะผ่านด่านต่าง ๆ ทั้งการหักหลบสิ่งกีดขวาง สลาลอม การเบรก เพื่อลองศักยภาพของระบบช่วงล่าง และระบบขับขี่ที่ล้ำสมัยอย่างระบบปรับองศาของล้อหลัง เพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยวในบีเอ็มดับเบิลยู 530อี เอ็ม สปอร์ตใหม่ที่ทำงานตลอดเวลาในทุกย่านความเร็ว ตลอดไปจนถึงการทดสอบระบบควบคุุมความ เร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน สต็อป แอนด์ โก ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลนและระบบเตือนกันชนด้านหน้าพร้อมช่วยเบรก ก่อนโลดแล่นออกสู่ถนนจริงเพื่อสัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่ในชีวิตประจำวัน  

โดยไฮไลต์ของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 เจเนอเรชั่นที่ 7 นี้สร้างความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าด้วยดีไซน์ภายนอกที่สะดุดตา เส้นสายทรงพลังทั้งบริเวณด้านหน้าและท้ายรถ กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้น 20% ในรูปทรง 8 เหลี่ยมแบบใหม่ ยาวลงมาบรรจบกับกันชนหน้า ล้อมรอบด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว ส่วนบนของซี่ในกระจังหน้ายื่นออกมาเล็กน้อย สร้างมิติที่สอดรับกับไฟหน้าอะเดพทีพ แอลอีดี รูปตัวแอล ดีไซน์เรียวยาวดุดัน ช่องดักอากาศแนวตั้งทั้ง 2 ข้างบนกันชนหน้าเสริมความโดดเด่นให้แก่การเล่นเส้นสายของดีไซน์แบบใหม่ ย้ำถึงความสง่างามและทรงพลังกว่า  

ดีไซน์ด้านท้ายรถล้ำสมัยด้วยเส้นสายที่คมชัดและทรงพลังเช่นเดียวกัน ไฟท้ายแอลอีดีแบบ 3 มิติทรงตัวแอลรับกับไฟหน้าโฉบเฉี่ยวด้วยกรอบสีดำ สร้างความสะดุดตาบนท้องถนน โดยทั้งไฟท้าย ไฟเบรกได้รับการออกแบบมาให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว เสริมลุคสปอร์ตด้วยท่อไอเสียทรง 4 เหลี่ยมคางหมูที่ท้ายรถทั้ง 2 ด้านรวมเป็นส่วนหนึ่งของกันชนได้อย่างลงตัว  

สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 530อี เอ็ม สปอร์ต เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในและระบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ใหม่ล่าสุด มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ให้กำลัง 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ที่ 1,350-4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนปลั๊ก-อิน ไฮบริด ส่งกำลังรวม 292 แรงม้า และแรงบิดรวม 420 นิวตัน-เมตร สามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นด้วยระบบเอ็กซ์ตร้าบูสต์ ซึ่งปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที เมื่อขับขี่ในโหมดสปอร์ต ช่วงล่างแบบอะเดพทีพ

  

ขณะที่รุ่น 520ดี เอ็ม สปอร์ตใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ส่งพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที มาพร้อมช่วงล่างแบบเอ็ม สปอร์ต อย่างไรก็ตามรถทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมระบบช่วยการขับขี่และฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในสภาวะต่าง ๆ มากมายทุกรุ่นเพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ เช่น เซ็นเซอร์ควบคุุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง ระบบแอคทีฟ โพรเทคชั่น และเซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง และสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 530อี เอ็ม สปอร์ต ยังมาพร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทางและระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ  

ทางด้านบีเอ็มดับเบิลยู 330แอลไอ เอ็ม สปอร์ต ใหม่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและสมรรถนะที่เฉียบคมไว้เช่นเคยแต่เสริมความโอ่อ่าสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสาร ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นปกติถึง 110 มม. บริเวณประตูหลังช่วยให้ผู้โดยสารเบาะหลังเข้า-ออกจากรถได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งมีพื้นที่ห้องโดยสารแถวหลังที่ยาวขึ้นอีก 43 มม. ดีไซน์ภายนอกทันสมัย ส่วนสมรรถนะปราดเปรียว รวมถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ล้ำยุคและมาพร้อมองค์ประกอบเฉพาะตัวที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นล้อมรอบด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว รับกับไฟหน้าแอลอีดีทรงเรียวยาว ด้านข้างโดดเด่นด้วยกรอบหน้าต่างดีไซน์ให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสาซีไร้ขอบ พร้อมด้วยกรอบไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่เพรียวบางยิ่งขึ้น กับไฟแอลอีดีทรงตัวแอล และท่อไอเสียแบบคู่ล้วนเสริมให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม  

การขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ส่งกำลังสูงสุด 258 แรงม้า ที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,550-4,400 รอบ/นาที ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ สปอร์ต สเต็ปทรอนิก 8 สปีด รองรับระบบไดรฟ์วิ่งเอ็กซ์พีเรียนซ์ คอนโทรล ที่มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งโหมดคอมฟอร์ต, สปอร์ต และอีโค โปร ภายในโฉบเฉี่ยวด้วยพวงมาลัยเอ็ม สปอร์ต คอนโซลด้านบนบุด้วยหนังตกแต่งด้วยอะลูมิเนียม พรั่งพร้อมด้วยระบบความปลอดภัย เชื่อว่าบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 และซีรีส์ 5 ทั้ง 3 รุ่นน่าจะเรียกน้ำย่อยสำหรับคนที่กำลังมองหารถขนาดกลางที่กำลังตัดสินใจได้ไม่ยาก.