T&B จับมือพันธมิตรเปิด ADOT แพลตฟอร์ม NFT รองรับ Crown Token ก่อนก้าวต่อ Translucia – อาร์วายที9

T&B จับมือพันธมิตรเปิด ADOT แพลตฟอร์ม NFT รองรับ Crown Token ก่อนก้าวต่อ Translucia Metaverse

นายชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) (T&B) ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรไทยและต่างประเทศพัฒนาแพลตฟอร์ม NFT ชื่อ ADOT พัฒนาบนระบบ Blockchain ที่มีความปลอดภัยสูงเพื่อสร้าง Ecosystem ครบวงจรให้กับ “คราวน์ โทเคน” (Crown Token) หรือ CWT ซึ่งจะเปิดตัวในครึ่งแรกของปีนี้ สร้างประสบการณ์การเงินไร้ขีดจำกัดบนโลกดิจิทัลมุ่งสู่อนาคต Metaverse

“ความร่วมมือในครั้งนี้จะเชื่อมโยงโอกาสและพลิกโฉมครั้งใหญ่ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งจะสร้างโอกาสมหาศาล ให้กับศิลปิน ครีเอเตอร์ รวมไปถึงผู้ชมด้วย ที่สามารถมีส่วนร่วมและได้รับประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ โดยผ่านการถือครองคราวน์ โทเคน หรือ CWT ซึ่งเปิดเทรดเมื่อวันที่ 3 มี.ค.65 ที่ผ่านมา บน ZIPMEX และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี” นายชวัลวัฒน์กล่าว

ความร่วมมือครั้งสำคัญของ T&B และพันธมิตรครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่นวัตกรรมการเงินบนโลกเสมือน ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทางการเงินยุคดิจิทัลไร้ขีดจำกัด ซึ่งนอกจาก CWT เปิดซื้อขายในไทยแล้วยังได้เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดซื้อขายในภูมิภาคในเร็วๆ นี้ด้วย ซึ่งกำหนดจำนวนเหรียญไว้ทั้งหมด 140 ล้าน Token แต่เบื้องต้นได้ปล่อยออกมาจำนวนหนึ่ง และจะทยอยออกมาเพิ่มเติมในอนาคต

นายชวัลวัฒน์ กล่าวว่า การบุกตลาดโลกของ T&B และพันธมิตรจะเป็นการสร้างทั้งชื่อเสียงและเม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้กับ IPs โปรเจกต์ ซึ่งก็คือภาพยนตร์แอนิเมชันที่เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสำคัญของบริษัท นอกจากนี้ T&B ยังมีบริษัทในเครือชื่อ Tree Roots Entertainment Group ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม SMO ที่จะเป็นศูนย์กลางทั้งในด้านการสร้างคอมมูนิตี้ (Community) สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) ของ ครีเอเตอร์ ศิลปิน และกลุ่มแฟน ที่เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่งให้กับคราวน์โทเคนด้วย

ทั้งนี้ CWT เป็น Utility Token ที่นำจุดเด่นของ IP ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์และซีรีย์แอนิเมชันที่ผลิตโดย T&B มาต่อยอดทางธุรกิจให้มีความหลากหลาย และจะนำไปสู่การสร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน โดย T&B ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก อย่าง Pellar Technology ผู้เชี่ยวชาญระบบ Blockchain , Mr. Andrew Gordon ผู้อยู่เบื้องหลังแอนิเมชั่นระดับโลก อย่าง “Monsters, Inc.” “Toy Story” , Mr. Kenji Xiao ผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการแอนิเมชั่นในจีน และ Sunac Culture Group ซี่งเป็นพาร์ทเนอร์จากจีนที่มีเครือข่ายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สวนสนุกธีมพาร์ค และเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน Family Entertainment ของจีน ในการทุ่มทุนสร้างผลงานแอนิเมชันและซีรีย์แอนิเมชั่นสุดอลังการ สู่ตลาดโลก ในระหว่างปี 65-68 ได้แก่ Legends of the Two Heroes, FriendZSpace, Looking for Gods, New Legend, The Forestias และ Blue City ซึ่งแอนิเมชันเหล่านี้จะถูกนำไปต่อยอดบนแพลตฟอร์ม NFT ที่มีชื่อว่า “ADOT”

สำหรับพันธมิตรชั้นนำของไทย ที่ร่วมประกาศความร่วมมือกับ T&B ประกอบด้วย MQDC ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์, ZIPMEX แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิตัลชั้นนำของไทย, Last Idol Thailand, BBTV New Media, เซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์, The One Enterprise และโลมาบิน (Lomabin) ซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นเทอร์เทนเมนต์แถวหน้าของวงการ

นอกจากนี้ยังมี หัวเว่ย เทคโนโลยี่ แผนกธุรกิจคลาวด์ ผู้นำด้านการสื่อสารโทรคมนาคมระดับโลก, อินโฟเฟด (INFOFED) Startup ด้านอีสปอร์ตและเกม สัญชาติไทย และ Cozy Game ผู้ทำ Game Fi (Blockchain & NFT Game) Studio & Publisher สัญชาติไทยเช่นกัน รวมถึงมหาวิทยาลัยรังสิต สถาบันการศึกษาที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอีกด้วย

นางสาวพรรณธร ลออรรถวุฒิ, CFA, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มบริษัท T&B Media Global และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท VUCA Digital กล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะสร้าง “คราวน์ โทเคน” หรือ CWT ให้เป็นโทเคนระดับโลกที่จะเข้ามาช่วยจุดประกายให้กับ IP (Intellectual Property) หรือ ทรัพย์สินทางปัญญา โดยจะช่วยเพิ่มมูลค่าและต่อยอดให้กับผลงานของศิลปินและผู้ผลิตคอนเทนต์ทุกคน

ทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มการใช้งาน หรือ Use Case ของ CWT ให้กว้างขึ้น ด้วยการเชื่อมต่ออย่างครบวงจรของ CWT และ ADOT แพลตฟอร์ม NFT ที่ได้พันธมิตรระดับโลกอย่าง Pellar Technology ออสเตรเลีย ที่มีผลงานและประสบการณ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาร่วมพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้งานแพลตฟอร์มได้ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 65

แพลตฟอร์ม ADOT จะเชื่อม IPs ที่ทั้งมีทั้งภาพยนตร์ ละคร แอนิเมชัน เพลง และเอ็นเทอร์เทนเมนต์ในรูปแบบต่างๆมาสู่สินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Digital Assets ซึ่งจะสร้างโอกาสให้กับศิลปินคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ผู้ผลิต รวมไปถึงผู้ชมที่จะมีส่วนร่วมและได้รับประสบการณ์รูปแบบใหม่ ๆ ผ่านการถือครอง CWT ในการจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมายทั้งการรับ NFT Airdrop จากแอนิเมชั่นทั้ง 6 เรื่อง สิทธิในการโหวตทิศทางของภาพยนตร์และแอนิเมชันในเครือ T&B สิทธิในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์และ NFT รวมถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ จาก SMO Live Platform และที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมใน “Translucia Metaverse” ซึ่งเป็นเมกะโปรเจกต์ของ T&B ในอนาคต

“สำหรับความร่วมมือครั้งสำคัญของ T&B และพันธมิตร นับเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่นวัตกรรมการเงินบนโลกเสมือน ตอบสนองไลฟ์สไตล์ทางการเงินยุคดิจิทัลอย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งนอกจากคราวน์โทเคนได้เปิดซื้อขายในไทย ยังมีแผนระยะยาวเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดซื้อขายในภูมิภาคในเร็ว ๆ นี้ อีกด้วย” นางสาวพรรณธร กล่าว